Sponsor Link

วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

บัตรเครดิตมีโปรโมชั่นดอกเบี้ยพิเศษจริงหรือ

ถ้าท่านเคยอ่านบทความเรื่อง สมัครบัตรเครดิต อันไหนดี (ตอน 2/2) จะมีข้อหนึ่งที่ผมแนะนำว่า ควรมีโปรแกรมแบ่งจ่ายรายเดือน เพราะหากเราฝึดเคืองเรื่องการเงินและต้องแบ่งชำระ หรือวางแผนการใช้จ่ายดีๆ เราจะได้ประโยชน์จากการที่เราจะเสียดอกเบี้ยจากการแบ่งชำระเท่านั้น และบางทีก็ยังได้ดอกเบี้ยพิเศษแล้วแต่โปรโมชั่น
อย่างไรก็ดีช่วงหลังเราจะได้ยินว่ามีโปรโมชั่นดอกเบี้ยพิเศษ แต่มักจะไม่บอกว่าเป็นดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกหรือดอกเบี้ยแบบคงที่ นอกจากนั้น การปิดยอดอาจจะทำไม่ได้หรือมีค่าใช้จ่ายสำหรับการปิดยอดในรูปของค่าธรรมเนียม   ดังนั้น เราอาจจะต้องคำนวณดีๆว่า มันน่าสนใจจริงหรือไม่ โดย (สามารถดาวน์โหลดไฟล์ Excel ตัวอย่างมาลองคำนวณได้)

ตัวอย่างการรูดบัตรมา 10,000 บาท
ถ้าจ่ายขั้นต่ำ
ถ้าหลังรูดแล้วเราไม่รูดอีกเลย โดยมีดอกเบี้ย 20% ต่อปี
สมมติว่าถ้าต้องการให้หมดหนี้ภายใน 6 เดือน  โดยจ่ายขั้นต่ำเดือนละ 1,765.25 บาท วิธีนี้จะมีดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกประมาณ 591.36 บาท แต่ถ้าเราต้องการให้หนี้หมดภายใน 12 เดือน เราจะจ่ายขั้นต่ำเดือนละ 926.35 บาท โดยมีดอกเบี้ยรวม 1,116.13 บาท
อย่างไรก็ดีในชีวิตจริง ขณะที่เราก้ทหน้าก้มตาจ่ายขั้นต่ำ เราก็มักเอาบัตรใบเดียวกันไปรูดซื้อของอย่างอื่น ดอกเบี้ยจึงเกิดกับยอดค่าใช้จ่ายใหม่ด้วย)

ถ้าใช้โปรโมชั่นดอกเบี้ยพิเศษ 0.89% ต่อเดือน
กรณีนี้ จะเป็นดอกเบี้ยแบบคงที่ นั่นคือ สมมติทำแบ่งชำระ 6 เดือน ดอกเบี้ยจะเท่ากับ 10,000 x (0.89 / 100) x 6 = 534 บาท แต่ถ้าทำแบ่งชำระ 12 เดือน ดอกเบี้ยจะเท่ากับ 10,000 x (0.89 / 100) x 12 = 1,068 บาท

ข้อสรุป
โดยทั่วไปแล้วคือ ดอกเบี้ยจะพอ ๆ กันครับ และการแบ่งชำระก็มักปิดยอดไม่ได้ ดังนั้น ถ้าคิดจะเลิกใช้บัตรเครดิตแบบจริง ๆ จังชนิดที่ว่ารูดครั้งสุดท้ายแล้ว การจ่ายขั้นต่ำแบบมีวินัยเราจะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก แต่ถ้ายั้งจะใช้บัตรเครดิตต่อไป โดยลดภาระดอกเบี้ยไม่ให้เกิดเพิ่มจากยอดรูดใหม่ การใช้โปรแกรมแบ่งจ่ายก็จะภาระดอกเบี้ยลง


วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ดอกเบี้ยเงินกู้แบบลดต้นลดดอกกับแบบคงที่

ไม่ว่าเรากำลังจะก้าวสู่ชมรมคนใช้บัตรบัตรเงินสด หรือบางคนอาจอยู่ในชมรมคนถือบัตรเครดิตแล้ว เชื่อว่า เรามักจะเจอโฆษณาแคมเป็ญดอกเบี้ยพิเศษต่างๆ ที่ดูน้อยมาก แต่แท้จริงแล้ว มันน้อยจริงหรือไม่ เราอาจจะไม่เคยคาดคิด เพราะโดยส่วนใหญ่ในโฆษณาเขาไม่บอกหรอกครับว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลดต้นลดดอกหรือเป็นแบบคงที่

ดอกเบี้ยเงินกู้แบบลดต้นลดดอก (effect rate)
อัตราดอกเบี้ยแบบนี้ จะคำนวณดอกเบี้ยตามภาระเงินต้นที่ค้างอยู่ เช่น กู้เงินซื้อของผ่อนราคา 10,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อเดือน ดังนั้น
ในเดือนที่ 1 เราจะมีดอกเบี้ย 2% จากยอดเงิน 10,000 บาท นั่นคือ 200 บาท ดังนั้น ถ้าเราผ่อนจ่าย 1,000 บาท เงินต้นจะลดลง 800 บาท
ในเดือนที่ 2 เราจะมีดอกเบี้ย 2% จากยอดเงิน 9,200 บาท นั่นคือ 184 บาท ดังนั้น ถ้าเราผ่อนจ่าย 1,000 บาท เงินต้นจะลดลงอีก 816 บาท หรือถ้าจะโปะ เงินที่จ่ายเพิ่ม จะถูกนำไปชำระเงินต้น ทำให้เดือนต่อ ๆ จะมีฐานคำนวณดอกเบี้ยที่ต่ำลง
การคำนวณดอกเบี้ยในลักษณะนี้นี้มักใช้กับบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด บัตรผผ่อนสินค้าทั้งหลายที่ดอกเบี้ยสูงถึง 28% ต่อปี หรือประมาณ 2.33% ต่อเดือน

ดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ (flat rate)
อัตราดอกเบี้ยแบบนี้จะคำนวณครั้งเดียวตามระยะเวลาทั้งหมดที่จะผ่อนทั้งหมด เช่น กู้เงิน 10,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อเดือน โดยมีแผนชำระชำคืน 6 เดือน ดังนั้น
ดอกเบี้ยทั้งหมดคือ 1% ของ 10,000 บาท (หรือ 100 บาท) x 6 เดือน = 600 บาท
จำนวนเงินที่ชำระคืน คือ 10,000 + 600 = 10,600 บาท ในระยะเวลา 6 เดือน หรือเดือนละ 1,766.67 บาท โดยประมาณ
การคำนวณดอกเบี้ยในลักษณะนี้นี้มักใช้กับการเช่าซื้อรถยนต์หรือไม่ก็โปรโมชั่นผ่อนของบัตรเครดิต โดยมากเมื่อเราใช้บริการแบบนี้แล้วก็มักจะโปะปิดหนี้ไม่ได้ หรือแม้ปิดได้ก็อาจจะมีค่าธรรมเนียมปิดหรือปิดแบบไม่ลดดอกเบี้ยให้ หรือต้องโปะให้ครบในคราวเดียว


ดังนั้น เมื่อเห็นโปรดอกเบี้ยต่ำ ดอกเบี้ยถูก ก็ควรเช็คข้อมูลให้ดีก่อนนะครับ เพราะของฟรีหรือของถูกแต่มี มักไม่ค่อยมีในโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจปล่อยเงินกู้ที่ล้วนต้องการผลตอบแทนกลับในรูปดอกเบี้ยทั้งนั้น