Sponsor Link

วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สมัครบัตรเครดิตออนไลน์ ผ่านเว็บ ผ่านตัวแทน ผ่านธนาคาร อันไหนปลอดภัยกว่ากัน

เราคงเคยได้ข่าวเรื่องที่มีคนเอาเครื่องสกิมเมอร์ (skimmer) มาดักข้อมูลบัตร ATM หรือบัตรเครดิตแล้วแอบเอาไปถอนเงินข้ามประเทศ ตามเว็บบอร์ดก็คนที่เสนอแนะต่าง ๆ จริงบ้างไม่จริงบ้างปนเปกันไป ตั้งแต่แนวทางป้องกันที่แสนง่ายคือ ขณะกดรหัสให้เอามือบังแป้นคีย์บอร์ดหน้าเครื่อง ATM  จนถึงพยายามอธิบายความให้ดูซับซ้อนขึ้น เช่น ดูว่าช่องเสียบบัตรมีดวงไฟมั้ย (มันก็ไม่แน่เสมอไป)

คำถามหนึ่งที่คนมักกังวลแต่ไร้คนตอบชัด ๆ คือ การสมัครผ่านตัวแทนหรือผ่านเว็บไซต์มันมีความปลอดภัยต่อข้อมูลส่วนตัวเราหรือไม่ ควรทำหรือไม่ คนที่ตอบก็มีทั้งแบบใช้สมมติฐานสำนึก (คิดไปเองว่ามันน่าจะใช่) ไปจนถึงตอบแบบรู้จริง

สำหรับผมแล้ว ผมเห็นว่า หากพิจารณาถึงเทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูลที่สามารถเผยแพร่ข้อมูลกันได้รวดเร็วราวสายฟ้าแลบรวมทั้งรูปแบบวิธีบริหารงานในยุคปัจจุบันแล้ว ไม่ว่าจะสมัครบัตรเครดิตผ่านช่องทางไหน ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวเรามันก็ไม่ต่างกัน โดยจะขอยกมากล่าวบางประเด็นหลักที่ช่วยเป็นคำตอบให้คำถามนี้



ขั้นตอนเก็บเอกสารการสมัครบัตรเครดิตแต่ละที่ไม่ต่างกัน

ทุกขั้นตอนของการสมัครบัตรเครดิตมันก็คืองานเดินเอกสารด้วยคนแทบทั้งสิ้น ในระหว่างเส้นทางเดินเอกสารนี้ ถ้าใครจะแอบทุจริตแอบทำสำเนาข้อมูลส่วนตัวเก็บไว้จริง ๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก แม้เอกสารจะไปถึงส่วนงานกลางด้านบัตรเครดิตแล้วแต่ถ้าจิตสำนึกของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานมันทำงานน้อย มันก็มีโอกาสที่ข้อมูลส่วนตัวเราจะถูกสำเนาเก็บไว้ต่างหากได้เช่นกัน มาดูขั้นตอนเดินเอกสารของการสมัครบัตรเครดิตแต่ละช่องทางดู

1. การสมัครบัตรเครดิตผ่านสาขาธนาคาร
เมื่อเรายื่นเอกสารสมัครบัตรเครดิตโดยตรงกับเจ้าหน้าที่สาขาธนาคาร เบื้องต้นเขาก็ดูว่าเอกสารครบถ้วน เรียบร้อยหรือไม่ แต่ตัวสาขาธนาคารไม่ได้เกี่ยวกับการพิจารณาอนุมัติการกู้ยืมแบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (สินเชื่อส่วนบุคคล / บัตรเครดิต) ดังนั้น เอกสารต่าง ๆ จะถูกรวบรวมสะสมไว้รอคิวจัดส่งส่วนงานด้านบัตรเครดิต ช่วงรอคิวก็อยู่ที่จังหวะการส่งส่งเอกสารระหว่างหน่วยงาน ผมเคยยื่นเรื่องที่สาขา กว่าเรื่องจะถึงส่วนกลางก็ใช้เวลา  5 วันก็เคยมาแล้ว

2. การสมัครบัตรเครดิตผ่านตัวแทน
ตัวแทนทำหน้าที่ไม่ต่างจากสาขาธนาคาร เพียงแต่มันจำกัดอยู่ที่การรับสมัครบัตรเครดิตเท่านั้น นั่นก็คือ รวบรวมเอกสารการสมัครบัตรเครดิตส่งหน่วยงานกลางด้านบัตรเครดิต เนื่องจากรายได้หลักของตัวแทนก็คือคอมมิชชั่นที่มาจากจำนวนบัตรเครดิตที่ผ่านการอนุมัติ บางที่จึงมีการบริการต่าง ๆ รอบคอบและรวดเร็วกว่าหรือไม่ก็มีโปรโมชั่นพิเศษกว่าไปยื่นเอกสารสมัครเองที่สาขาธนาคารเสียอีก อย่างไรก็ตาม จะมีเจ้าหน้าที่ของตัวแทน  (บางคน) ที่อาจจะอยากได้ยอดสมัครมาก (มันมีผลต่อรายได้เขา คงไม่คิดจะโกงอะไร) ก็มักจะเชิญชวนให้ลูกค้าสมัครหลาย ๆ ใบ ถึงขั้นให้ถ่ายสำเนาเอกสารส่วนตัวไว้แล้วจัดการสมัครแทนให้เอง (ซึ่งไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง) ดังนั้น ถ้าจะสมัครผ่านตัวแทน ก็เตรียมเอกสารไว้แต่พอดี คาดข้อความสำเนาตัวเอกสารให้เรียบร้อย

3. การสมัครบัตรเครดิตผ่านเว็บไซต์
ข้อดีของการสมัครผ่านเว็บไซต์คือ มีคนมารับเอกสารถึงบ้าน แต่ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ของธนาคารหรือของตัวแทน ความปลอดภัยของข้อมูลก็ไม่ได้ต่างกัน เพราะ
- เว็บไซต์รับสมัครบัตรเครดิตของธนาคารหลายแห่ง ดูแลโดยตัวแทน
- คนที่มารับเอกสาร มักเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทที่ให้บริการด้านจัดส่งเอกสาร ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของธนาคาร หรือไม่ก็เป็นตัวแทนที่ที่ดูแลเว็บไซต์สมัครบัตรเครดิตของธนาคาร (ถ้าใครสมัครบัตรเครดิตผ่านเว็บ ตอนที่เขามารับเอกสารนั้น ลองแกล้งถามหาใบสมัครบัตรเครดิตเจ้าอื่นดู ผมว่าเขามีให้แน่นอน)
- เอกสารที่เขามารับนั้น ก็จะถูกรวบรวมจัดส่งหน่วยงานกลาง แบบเดียวกับระบบแบบปกติ

ผลลัพธ์การสมัครบัตรเครดิต ผ่านตัวแทน ผ่านเว็บ กับสมัครผ่านธนาคาร ก็ไม่ต่างกัน
ประเด็นนี้น่าจะตอบกันได้ว่าไม่ต่างกัน เพราะหลังจากที่สมัครบัตรเครดิตผ่านแล้ว ตัวแทนก็ไม่เกี่ยวอะไรทั้งสิ้นและไม่มีสิทธิ์มาเกี่ยวแล้ว เพราะ
1.สารพัดบริการของบัตรเครดิตตั้งแต่เราเริ่มมีบัตร จนเริ่มก่อหนี้ จนกระทั่งเราเลิกใช้บัตรเครดิต ธนาคารเป็นผู้ให้บริการ
2. สารพัดแคมเป็ญทางการตลาด ก็มาจากธนาคารที่ออกบัตรเครดิต
3. สารพัดการขายประกันภัย ทางโทรศัพท์จะมาไม่ขาดสาย ว่ากันว่า ข้อมูลมันบางส่วนมันก็น่าจะมาจากธนาคารนั่นแหละ

ธนาคารอยู่ในยุคที่ต้องยอมแบ่งปันข้อมูลเพราะการบริหารงานด้วย Sub –contract / Outsource
ธนาคารก็เป็นหน่วยงานทางธุรกิจ ก็ต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดและได้เปรียบคู่แข่ง การใช้บริการ Outsource จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่มี เพราะ
1. ธนาคารไม่ได้เก่งทุกเรื่อง
ธนาคารอาจจะวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินเก่ง แต่การมี sub contract ให้ทำงานในด้านที่ไม่เก่ง จะทำให้คงความแข็งแก่งไว้ การมีตัวแทนรับสมัครบัตรเครดิตมันก็ช่วยเป็นแขนขาให้ธนาคารมีลูกค้าเข้ามาเรื่อย ๆ และแม้ลูกค้าบัตรเครดิตเบี้ยวหนี้ ก็ว่าจ้างบริษัทภายนอกทวงหนี้

2. ธนาคารก็ต้องควบคุมค่าใช้จ่าย
การใช้บริการแบบ Outsource สำหรับบางด้าน จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าตั้งหน่วยงานเอง การมีตัวแทนรับสมัครบัตรเครดิตมันก็เป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยให้เกิดลูกค้าใหม่โดยที่ไม่ต้องจ้างบุคลากรเพิ่ม และหากลูกค้าน้อยลง ก็ไม่ต้องไปรับผิดชอบหรือชดเชยอะไรให้ตัวแทน

3. ความลับไม่มีในโลก
ผมเคยทำงานเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์กับบริษัทที่รับจ้างพัฒนาระบบสารสนเทศมาก่อน ระหว่างการวิเคราะห์และออกแบบระบบ ผมมักจะพบข้อมูลที่ลูกค้าไม่อยากจะเปิดเผยให้บุคคลภายนอกทราบเสมอ และมันก็เป็นสิ่งที่เลี่ยงยากนอกจากจะไว้ใจกันเท่านั้น ดังนั้น ในสัญญาจ้างพัฒนาระบบนั้น จะมีสัญญาข้อหนึ่งที่ระบุว่าไม่ให้เอาเรื่องภายในหน่วยงานลูกค้าไปเผยแพร่ให้คนอื่นทราบ (ส่วนภาคปฏิบัติจะเป็นอย่างไร ก็อีกเรื่องหนึ่ง) ธนาคารก็อยู่ในข่ายนี้ที่ไม่สามารถควบคุมการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลได้เต็มร้อย

เทคโนโลยีเครื่องสำเนาข้อมูล ภัยคุกคามข้อมูลที่ใครก็คาดไม่ถึง
ในอดีต (ก่อน พ.ศ. 2540) เครื่องถ่ายเอกสาร มันทำงานในลักษณะถ่ายภาพเอกสารแล้วพิมพ์ออกกระดาษทันที ถ้าจะถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนสัก 10 ชุด มันก็จะฉายแสงถ่ายภาพทั้งหมด 10 ครั้ง แต่ปัจจุบัน มันสแกนเก็บไว้ครั้งเดียวแล้วพิมพ์ออกมา 10 ครั้งแทน บางเครื่องยังทำหน้าที่เป็นเครื่องพิมพ์ เครื่องสแกนเอกสารออกมาเป็นไฟล์ PDF ได้ เพราะมันคือเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ดี ๆ นี่เอง และปัจจุบันก็นิยมใช้เครื่องถ่ายเอกสารแบบเช่าซื้อกันทั้งนั้น เพราะได้บริการบำรุงรักษาทำให้ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ง่ายกว่า

ถ้าใครยังไม่ถึงบางอ้อ แข็งใจอ่านต่ออีกนิด ประเด็นหลักเลยคือ คอมพิวเตอร์ในคราบเครื่องถ่ายเอกสารนี้ มันจะมีฮาร์ดดิสก์เก็บข้อมูล (ไฟล์ภาพเอกสารที่เราเอามาถ่ายสำเนานั่นแหละ) ข้อมูลมันจะค้างอยู่ในนั้น มันจะถูกลบออกต่อเมื่อฮาร์ดดิสก์มันจะเต็ม มันถึงจะเริ่มลบไฟล์ที่เก่าที่สุดออก บางที่มันยังไม่ถูกลบออก ก็อาจจะมีเหตุให้เครื่องถูกยกกลับผู้ขาย เช่น หมดสัญญาเช่าซื้อ  ผู้ขายมาบริการบำรุงรักษา ขั้นตอนเหล่านี้ ช่างอาจจะแอบ copy ไฟล์ไปก็ได้ (ทำได้ถ้าคิดจะทำ) หลายหน่วยงานรวมทั้งธนาคารเองก็ใช้บริการเครื่องถ่ายเอกสารในลักษณะนี้เช่นกัน

โดยสรุปภาพ
ไม่ต้องมากังวลแล้วว่า สมัครบัตรเครดิตผ่านตัวแทนแล้วข้อมูลจะรั่วไหลหรือป่าว ถ้ากลัวข้อมูลส่วนตัวรั่วไหลมามาก ชีวิตนี้ก็ไม่ต้องไปสมัครอะไรที่ไหนเลย เพราะหลังสมัครบัตรเครดิตผ่านแล้วมันจะมีคนโทรศัพท์มาขายประกันทางโทรศัพท์แน่นอน แม้ว่าท่านจะลงทุนซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องสแกนเนอร์ และเครื่องพิมพ์มาทำสำเนาเอกสารเอง ส่งเอกสารสมัครบัตรเครดิตทางไปรษณีย์ถึงหน่วยงานกลางของธนาคารโดยตรงก็ตาม 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น