ลองเทคนิคหาเงินก้อนดอกเบี้ย
0% ก่อน
เทคนิคนี้เหมาะสำหรับยอดหนี้ที่ไม่สูงเกินไปและมีกำลังผ่อนให้จบในระยะเวลาไม่เกิน
1 ปี (แล้วแต่โปรโมชั่น)
และต้องเป็นคนหน้าหนา ไม่กลัวว่าใครจะล้อว่าเป็นหนี้ เทคนิคนี้ก็คือใช้โปรโมชั่นผ่อน 0% ให้เกิดประโยชน์ โดยไปหาดูว่า
ใครจะซื้อสินค้าที่มีโปรโมชั่นนี้แต่มีกำลังทรัพย์พอที่จะชำระเต็มจำนวนทีเดียว
โดยมูลค่าสินค้าต้องมากพอที่จะไปปิดหนี้บัตรได้ จากนั้นก็อาสาตัวไปไปซื้อสินค้าให้กับคนนั้น
โดยอาจจะซื้อด้วยบัตรสินเชื่อหรือรูดซื้อด้วยบัตรเครดิตที่มีโปรโมชั่นนี้
(คงไม่ต้องสนใจว่ามันจะเป็นผ่อน 0%จริงหรือหลอก)
เมื่อเราได้เงินสดจากคนนั้นแล้วก็เอาไปปิดหนี้ที่ต้องการเสีย จากนั้นก็ค่อยมาผ่อนหนี้ตัวใหม่ของเราต่อ
ก็เท่ากับว่าเราไม่ต้องรับภาระดอกเบี้ยแล้ว
บุคคลที่ว่าก็อาจจะเป็นคนที่ทำงานด้านจัดซื้อในบริษัท ญาติพี่น้องที่รวยหน่อย
1. รวบรวมยอดหนี้คงเหลือหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลทั้งหมด และยอดผ่อนแต่ละเดือน ยกตัวอย่างเช่น
- บัตรใบโพธิ์ 46,000 บาท (อัตราดอกเบี้ย 20% ผ่อนเดือนละ 4,600
บาท)
- บัตรเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ 19,000 บาท (อัตราดอกเบี้ย 20% ผ่อนเดือนละ 2,000 บาท)
- บัตรเจ้าแม่ชอปปิ้ง 20,000 บาท (อัตราดอกเบี้ย 20% ผ่อนเดือนละ 2,000 บาท)
- สินเชื่อเงินคุณอ้อน 21,000 บาท (อัตราดอกเบี้ย 28% ผ่อนเดือนละ 2,000 บาท)
- สินเชื่อตัวเลือกหนึ่ง 16,000 บาท (อัตราดอกเบี้ย 28% ผ่อนเดือนละ 2,400 บาท)
- บัตรเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ 19,000 บาท (อัตราดอกเบี้ย 20% ผ่อนเดือนละ 2,000 บาท)
- บัตรเจ้าแม่ชอปปิ้ง 20,000 บาท (อัตราดอกเบี้ย 20% ผ่อนเดือนละ 2,000 บาท)
- สินเชื่อเงินคุณอ้อน 21,000 บาท (อัตราดอกเบี้ย 28% ผ่อนเดือนละ 2,000 บาท)
- สินเชื่อตัวเลือกหนึ่ง 16,000 บาท (อัตราดอกเบี้ย 28% ผ่อนเดือนละ 2,400 บาท)
รวมแล้วก็มีหนี้ค้างประมาณ 122,000
บาท ผ่อนเดือนละ 13,000 บาท
2. ประเมินกำลังทรัพย์
จากข้อ 1 จะเห็นว่า เงินจะหายไปกับการใช้หนี้เดือนละ 13,000 บาทแน่ ดังนั้น
a. ถ้าท่านจ่ายไหว
แล้วยังมีเงินเหลือกินเหลือใช้แบบพอประทังตัวเองได้ ไม่มีภาระอะไร
แนะนำให้จ่ายตามนี้ และหนี้ท่านจะหมดภายใน 1 ปี และมีดอกเบี้ยประมาณ 12,000 บาทเท่านั้น
b. ถ้าท่านจ่ายไหว
และจะจ่ายขั้นต่ำสุดเท่าที่ต่ำได้ แน่นอนว่าท่านจะมีเงินเหลือแต่ละเดือนมากขึ้น
เพราะเงินขั้นต่ำจะน้อยลงตามเงินต้นที่ถูกชำระ หนี้ท่านจะหมดภายใน 30 เดือน และมีดอกเบี้ยประมาณ 18,000 บาทเและยังจะมีเงินเหลือแต่ละเดือนมากขึ้นในแต่ละเดือน (ถ้ามีวินัยในการออม)
c. ถ้าท่านจ่ายไหว และจะต้องการใช้บัตรเครดิต (จากวงเงินที่เพิ่มขึ้นหลังชำระขั้นต่ำแล้ว) ถ้าการใช้ที่ว่านี้ สามารถชำระเต็มได้แน่ ๆ แนะนำให้คุณสมัครบัตรใบใหม่ของธนาคารเดียวกัน (เป็นวงเงินรวม แต่แยกบัญชีบัตรมาต่างหาก) ถ้าชำระเต็มมันจะไม่ถูกนำไปคำนวณดอกเบี้ย เพราะการการคำนวณดอกเบี้ยมันมาจากการจ่ายขั้นต่ำมันอยู่ที่บัตรใบเดิม (บางธนาคารอาจจะแยกเป็นวงเงินใหม่ให้ ทั้งนี้ก็แล้วแต่นโยบายของแต่ละธนาคาร) หรืออาจะเปิดเป็นบัตรเสริมให้สามี/ภรรยาทำหน้าที่รูด (แต่ก็หาวิธีควบคุมการรูดให้ดี ๆ นะครับ)
d. ถ้าท่านจ่ายไม่ไหว
สูงสุดที่จะจ่ายได้เท่าไหร่ ท่านต้องประเมินตนเอง สมมติสูงสุดที่พอจ่ายได้ประมาณ 5,000
บาท ซึ่งจ่ายแล้วยังมีเงินสำรองเหลือแต่ละเดือนบ้าง
เผื่อลูกเจ็บป่วย พรรคพวกแต่งงาน ค่าใช้จ่ายกระทันหัน ก็ต้องหาวิธีปิดหนี้
โปรดดูข้อ 3 (ข้อนี้เป็นกรณีของผม)
แน่นอนว่าผมหายใจสะดวกขึ้น แต่หนี้ผมจะหมดภายใน 36 เดือนและมีดอกเบี้ยถึง 51,500 บาทโดยประมาณ
ดูเหมือนสูง แต่ถ้าผมเลือกแนวทาง a. แล้ว หากผมต้องการเงินกระทันหัน
ผมก็มีแนวโน้มก่อหนี้อยู่ดี (ก็มันไม่มีเงินเหลือเก็บแต่ละเดือน) ผมเลือกการก่อหนี้แบบพอกำหนดอนาคตได้แต่แรกเลยดีกว่า
ลดความวุ่นวาย (แต่ละเดือนที่หายใจสะดวกขึ้น ผมก็ต้องเรียนรู้เก็บออมพร้อมๆกับการชำระหนี้ด้วย)
3. หาสินเชื่อที่โปรโมชั่นดี ๆ ด้านดอกเบี้ย
และผ่อนนานได้
ก่อนอื่น ขอให้ท่านลองสำรวจดูก่อนว่าท่านมีสินทรัพย์ใดที่พอจะทำให้ท่านลดภาระด้านดอกเบี้ยลงและผ่อนนานได้
ตามที่ผมแนะนำไว้ใน “การกู้เงินปิดหนี้แบบยอดมนุษย์เงินเดือน” แต่ถ้ายังหาไม่ได้ จึงค่อยใช้สินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันตามที่จะกล่าวต่อไป
สำหรับโปรโมชั่นแบบนี้ต้องเช็คดี ๆ นะครับว่าได้อัตราดอกเบี้ยรวมที่ลดลงจริง ๆ ไม่เช่นนั้นอาจจะถูกตบตาด้วยตัวเลขที่ดูดีแต่แอบบวกค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เข้าไป ซึ่งเป็นกับดักของสินเชื่อส่วนบุคคลที่ต้องระวังไว้
ณ เวลานั้น สินเชื่อที่โดนใจคือ CT Adv (เดาเอาเองนะครับ) โปรฯที่เขาให้คือ กู้ตั้งแต่ 100,000 จะเหลือดอกเบี้ยเพียง 25% และถ้ากู้ตั้งแต่ 125,000 บาทแล้วให้เขาออกเช็คเพื่อไปชำระหนี้บัตรเครดิตโดยตรงตั้งแต่ครึ่งของวงเงินที่ขอกู้ เขาจะลดดอกเบี้ยเหลือ 24% (แต่ถ้าจะปิดหนี้ตัวนี้ก่อน 2 ปี เขาจะคิดดอกเบี้ยย้อนหลังเป็น 28% ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยอนุญาตทันที)
ก็จะเห็นว่าโปรนี้เข้าทางผม ดังนั้นผมจึงขอกู้
125,000 บาท และให้เขาออกเช็คสำหรับสั่งจ่ายเจ้าของหนี้
(แบบเอายอดพอประมาณให้รวมกันเกินครึ่งก่อน (แล้วที่เหลือแบบเก็บตกค่อยมาถอนเป็นเงินสด ลดดอกแล้วยังลดภาระถือเงินสดไปจ่ายเอง) เงินที่ได้มาจะถูกหักค่าธรรมเนียมตามจริงไม่มากนัก
จะหายไปประมาณ 70 กว่าบาทเท่านั้น (ค่าธรรมเนียมเช็คเครดิตบูโรกับค่าธรรมเนียมอื่นๆ)
ออกเช็คปิดหนี้บัตรใบโพธิ์
ออกเช็คปิดสินเชื่อคุณอ้อน
รับเงินสดเข้าบัญชีในส่วนที่เหลือ
สำหรับการเก็บตกหนี้
4. รีบดำเนินการเอาเช็คไปชำระหนี้ให้เร็วที่สุด
อย่าลืมว่าธนาคารคิดดอกเบี้ยจากเราทุกวัน และกว่าเช็คจะจบกระบวนการเคลียริ่ง
ใช้เวลา 3 – 4 วันเลยทีเดียว (อ่านเรื่อง จ่ายหนี้บัตรเครดิตแบบขั้นต่ำ
ให้ดอกเบี้ยน้อยลง ตอนที่ 2 ครับ จะรู้ว่าเขาคำนวณดอกเบี้ยอย่างไร)
5.ดำเนินเผาสะพานการก่อหนี้ซ้ำด้วยการยกเลิกบัตรแบบมีชั้นเชิง
ขั้นตอนนี้ป้องกันตกม้าตายตอนจบ
ผมเอาบัตรกดเงินสดมาเจาะรูด้วยตุ๊ดตู่ทันที ท่านอย่าเพิ่งขำนะครับ
ถ้าอ่านต่อแล้วท่านอาจจะไม่ขำก็ได้
เผาสะพานการก่อหนี้
เรื่องมีอยู่ว่า
หลังเจาะบัตรแล้วผมก็โทรไป call center เพื่อแจ้งยกเลิก
เชื่อมั้ยครับว่า เขามีข้อโต้แย้งให้เข้าทางเขาทุกข้อว่าทำไมเราไม่ควรยกเลิก
รวมทั้งอ้างว่าถ้ามาสมัครใหม่อาจจะไม่ได้สิทธิประโยชน์เท่าเดิม (อันนี้ผมไม่เชื่อเด็ดขาด
เพราะเท่าที่ผ่านมา สถาบันการเงินต่าง ๆ ก็มีแต่ผ่อนปรนให้เป็นเราก่อหนี้ได้ง่ายขึ้นทั้งนั้น)
กว่าเขาจะบอกผมว่ายกเลิกทางโทรศัพท์ไม่ได้ ต้องไปสำนักงานสาขาเท่านั้น ผมก็โดน hard
sale ไปหลายดอกเลยทีเดียว ถ้าใครอยากรู้หรืออยากสนุก ลองแกล้งโทรไปยกเลิกดูแล้วอัดเสียงไว้
เอามาแชร์กันฟังหน่อยก็ได้
ดังนั้น เมื่อไปสำนักงานของเขา ผมรีบยื่นบัตรที่เจาะรูแล้วให้เขาทันที
เขารีบทำเรื่องยกเลิกให้เลยครับ
ราวกับกลัวคนอื่นมาเห็นแล้วเกิดพฤติกรรมเลียนแบบยังไงยังงั้น
หลังจากเสร็จสิ้นการปิดหนี้บัตรต่าง ๆ
ด้วยสินเชื่อส่วนบุคคลแล้ว ผมยกเลิกบัตรเครดิตบางรายการ แต่ยังเก็บบัตรเครดิตบางตัวไว้ฟันแต้มเป็นรายได้เสริม
ครับ
สำหรับการคำนวณดอกเบี้ยต่าง ๆ สามารถดาวน์โหลดไฟล์ Excel แล้วไปลองปรับตัวเลขกันดู เผื่อเป็นประโยชน์ครับ
สำหรับการคำนวณดอกเบี้ยต่าง ๆ สามารถดาวน์โหลดไฟล์ Excel แล้วไปลองปรับตัวเลขกันดู เผื่อเป็นประโยชน์ครับ