หลายท่านคงเคยดูหนังเรื่อง “สุดยอดมนุษย์เงินเดือน”
จะพบสภาพเหมือนชีวิตจริงของใครหลายคน (รวมทั้งผู้เขียนบทความคนนี้ด้วย)
ที่มัวแต่ยุ่งเรื่องงานจนไม่มีเวลาให้กับความฝันของตัวเอง
และเคยชินกับระบบเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน สิ่งที่ไม่ได้เอ่ยถึงในหนังเรื่องนี้คือการจัดการหนี้บัตรเครดิตอย่างมีชั้นเชิงนอกจากก้มหน้าก้มตาผ่อนกันไปตามอัตภาพ
และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้หลุดพ้นจากบ่วงหนี้ที่รัดตัว
ในที่นี้จะขอนำเสนอมุมมองโดยสรุปเติมสักเล็กน้อยสำหรับการพิจารณากู้หนี้มาปิดหนี้ครับ
สิ่งที่ต้องพิจารณาสำหรับการกู้หนี้มาปิดบัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคล
1. การยืมเงินเพื่อนหรือญาติพี่น้อง
วิธีนี้มักไม่มีดอกเบี้ยอะไรเลย
นอกจากสินน้ำใจกันเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ต้องไม่ลืมว่าหากวันใดที่เพื่อนฝูงหรือญาติพี่น้องเขาต้องการใช้เงินแต่ตอนนั้นท่านไม่มีเงินไปใช้หนี้
ท่านอาจจะติด black list ในลักษณะผิดใจกัน
รับรองว่ามันจะติดตราบนานเท่านานที่เขายังมีชีวิตอยู่ (ไม่เหมือนกับเครดิตบูโรที่เก็บรายการไว้แค่
3 ปี)
ดังนั้น ไม่ว่าเขาเหล่านั้นไม่เคยมาทวงเงินก็ตาม
แต่การยืมแล้วไม่มีทีท่าว่าจะคืนเขาได้เมื่อไหร่นั้น คงเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น
มันจะเสียเครดิตชีวิตซึ่งสำคัญว่าเครดิตบูโรเสียอีก
2. การใช้สินทรัพย์มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
อัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อที่ใช้บ้านค้ำประกันจะถูกที่สุด
รองลงมาเป็นสินเชื่อที่ใช้รถค้ำประกัน สองสิ่งนี้จะสามารถเปลี่ยนหนี้อัตราดอกเบี้ยสูงของบัตรเครดิตให้กลายเป็นหนี้ดอกเบี้ยต่ำลง
ทำให้ได้ระยะการผ่อนต่อเดือนน้อยลง และมีระยะการผ่อนที่นานขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้วิธีนี้จะทำให้ได้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำลง
แต่ปริมาณดอกเบี้ยโดยรวมจะมากขึ้นเพราะการผ่อนที่ยาวนานและคำนวณจากก้อนหนี้เงินต้นที่สูงขึ้นนั่นเอง
(เรียกว่า กินดอกเบี้ยน้อย ๆ แต่กินนานๆ)
3. ธรรมชาติของธนาคารคือการกลัวหนี้เสีย
ในบทความเรื่อง “บัตรเครดิต คุ้มสุด pantip”
ผมได้กล่าวตอนท้าย ๆ ว่า โดยปกติทั่วไปแล้วธนาคารจะพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้คืนด้วย
ผมเคยพบคำแนะนำว่ายอดชำระหนี้ต่อเดือนไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน หากเกินจากนั้นธนาคารมักจะไม่อนุมัติสินเชื่อได้แม้จะมีบ้านหรือรถยนต์เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันก็ตาม
ดังนั้น ใครที่เคยสงสัยว่าเงินเดือนสูงแต่ทำไม่สมัครบัตรเครดิตไม่ผ่าน หรือทำไมดอกเบี้ยบัตรเครดิตมันโหด ส่วนหนึ่งมันก็มาจากการประเมินความเสี่ยงของเกิดหนี้สูญของธนาคารนั่นเอง
ผมจึงแนะนำว่าหากต้องการใช้บริการสินเชื่อที่ดอกเบี้ยไม่สูงและและไม่ต้องการมีประวัติการชำระหนี้ในเครดิตบูโรแล้ว
ให้ใช้บริการโรงรับจำนำแทนในบทความเรื่อง “แนวทางลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้ภาคปฏิบัติ”
4. หาสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีโปรโมชั่นดอกเบี้ยต่ำ
ผ่อนนาน
อัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อส่วนบุคคลโดยทั่วไปคือ
28% ต่อปี
แต่ถ้ากู้ในจำนวนที่มาก ก็มักจะมีโปรโมชั่นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า ให้ผ่อนยาวกว่า
และมักจะปิดยอดในช่วง 1 – 2 ปีแรกไม่ได้ อย่างไรก็ดี มันเป็นการกู้ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
อัตราดอกเบี้ยที่ได้ก็ยังสูงอยู่ดี (ประมาณ 19% ขึ้นไป) ดังนั้น ก็เอาวิธีปิดหนี้บัตรเครดิตด้วยสินเชื่อส่วนบุคคลเป็นทางเลือกสุดท้ายก็แล้วกันครับ
หลายคนคนที่เป็นหนี้เพิ่มขึ้นเพราะไม่สำรวจตนเอง
ในความเป็นจริงของชีวิตเรานั้น บางครั้งมันก็มีเรื่องจำเป็นต้องก่อหนี้ก้อนใหม่กระทันหัน
แม้พยายามประหยัดแล้วแต่สถานการณ์รอบตัวมันก็อาจจะไม่เป็นใจ ดังนั้น
ถ้าประเมินแล้วว่าผ่อนหนี้ไม่ไหวจริงๆ ก็ควรรีบหาแนวทางแก้ไขแต่เนิ่น ๆ
แม้อาจจะมีทางเจรจาขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับทางเจ้าหนี้ได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเจ้าหนี้จะยอมเจรจาทุกครั้ง
ยิ่งกว่านั้นถ้าเคยมีประวัติการการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ในเครดิตบูโรแล้ว กว่าจะรอให้ประวัติถูกลบก็คงต้องรออย่างน้อย
3
ปี ระหว่างที่รอนั้น การขอสินเชื่อต่าง ๆ มักจะเป็นไปได้ยากขึ้น
ดังนั้น ก่อนที่หนี้ใหม่จะเกิดขึ้น
การเตรียมการไว้ล่วงหน้าก็เป็นสิ่งที่ดีกว่า เช่น การมีเงินสำรองเพียงพอจะได้ไม่ต้องไปกู้ยืมเพิ่มให้เสียดอกเบี้ยอีก
ซึ่งผมได้เคยแนะนำไว้ในบทความเรื่อง “หนี้บัตรเครดิตไม่บาน”
จะเห็นว่า ถ้าเราไม่ระวังแล้ว เมื่อเราได้เป็นยอดมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้สูงขึ้น
เราก็จะมีความสามารถในการก่อหนี้เพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้น แทนที่เงินเดือนสูงจะทำให้เรามีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
จะกลายเป็นว่าเราเครียดมากขึ้นเพราะหนี้ที่เราสร้างขึ้นมานั่นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น