จากบทความเรื่อง
ทำไมสมัครบัตรเครดิตไม่ผ่าน ถ้าไม่มีตอนนี้
ก็คงจะเหมือนกินข้าวแล้วไม่ได้กินน้ำ ขอออกตัวก่อนเริ่มว่า ผมเองก็ไม่ทราบเป๊ะ ๆ
ทั้งหมด ขอสรุปข้อมูลตามที่พอทราบมาเลยก็แล้วกันครับ
ข้อควรทราบเบื้องต้น
ต้องไม่มีประวัติเสียในเครดิตบูโร
ธนาคารจะเคร่งครัดในการพิจารณาจากข้อมูลส่วนนี้
ถ้าท่านเคยมีประวัติค้างชำระติดต่อกันตั้งแต่ 2 งวดขึ้นไป โดยทั่วไปจะพิจารณาเป็น 3 กรณี
·
ค้างชำระ แต่งวดต่อ ๆ
มายังชำระหนี้หนี้ต่อเนื่อง (โดยมียอดค้างยกยอดมาอย่างต่อเนื่อง)
ธนาคารมักจะให้เกรด B นอกจากช่วงโปรโมชั่นจริง
ๆ ถึงจะอนุโลม
·
ค้างชำระ แต่เคลียร์ยอดหนี้ที่ค้างไปหมดแล้ว
ธนาคารมักจะให้เกรด A นอกจากบางธนาคารที่เขี้ยวจริง
ๆ จึงจะให้ B
·
ค้างชำระ แม้จะเพิ่งเกิดเรื่อง
ถ้าไม่มีประวัติว่าเคลียร์ยอดหนี้ค้าง เรื่องราวจะจบลงเท่านี้
ไม่ต้องยื่นสมัครบัตรเครดิตให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการจัดเตรียมเอกสาร
มีเอกสารและอายุการทำงานตามที่ธนาคารระบุ
ในที่นี้ขอยกตัวอย่างสำหรับพนักงานประจำ
เอกสารที่ต้องใช้คือ
1.
ใช้สลิปเงินเดือน
2.
ตัวเลขเงินในบัญชีธนาคารสวย คือ
a.
มีเงินเข้าทุกเดือน อย่างน้อยๆ 6 เดือน
b.
อย่าพรวดพลาดถอนหมดแต่วันต้น ๆ เดือน (ยกเว้นกรณีถอนไปอยู่ในบัญชีเงินฝากประจำ
เราสามารถถ่ายสำเนาไปยืนยันได้)
3.
ทำงานประจำมาอย่างน้อย 1 ปี
จะนับหลายที่รวมกันก็ได้ แต่ที่ทำงานปัจจุบันต้องมีโทรศัพท์พื้นฐาน (เบอร์บ้าน) ที่สามารถติดต่อได้
4.
มีที่อยู่ที่แน่นอน อย่างน้อย 2 ปีขึ้นไป
และต้องมีโทรศัพท์พื้นฐานที่สามารถติดต่อได้ (บางธนาคารอาจจะไม่มีเงื่อนไขนี้)
เทคนิคพิเศษที่ขอแนะนำ
ผมถือบัตรเครดิตมาหลายใบ ใบแรกคือบัตรเสริม Amex แต่บัตรที่สมัครด้วยเครดิตตัวเองครั้งแรกคือ
ธนาคารบัวหลวงที่ขึ้นชื่อว่าอนุมัติยาก (พรรคพวกตะลึงว่าผ่านได้ยังไง) อันนี้จะขอยกตัวอย่างที่ผมเคยทำมาแล้วและเห็นว่าน่าจะมีส่วนช่วย
การทำหนังสืออธิบายรายได้
1.
ในกรณีเราเป็นพนักงานและยังทำงานฟรีแลนซ์ (freelance) ด้วย
ควรแยกบัญชีธนาคารสำหรับรับเงินส่วนนี้ต่างหาก และยิ่งถ้ามีหนังสือรับรองการหักภาษี
ณ ที่จ่ายด้วยจะยิ่งเป็นสร้างเครดิตรายได้แก่เรา
2.
การมีรายได้หลายทางและต่อเนื่อง
รวมทั้งการมีบัญชีเงินออมเงิน (ฝากประจำ) ที่เงินเข้าต่อเนื่อง เราควรทำหนังสือชี้แจงรายได้เพิ่มเข้าไป
อธิบายพอเข้าใจว่า รายได้ของเราโดยรวมแล้วเฉลี่ยเดือนละเท่าไหร่
มีอัตราการออมเดือนละเท่าไหร่ และมีสำเนาการเดินบัญชีแนบประกอบให้เห็น
การแสดงหลักฐานที่อยู่ที่ติดต่อได้กรณีที่อยู่ปัจจุบันไม่ตรงกับบัตรประชาชน
1.
กรณีที่อยู่ปัจจุบันไม่ตรงกับที่อยู่ในบัตรประจำตัวประชาชน
ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน (เช่น อยู่กับญาติเพราะใกล้ที่ทำงาน)
ถ้าที่อยู่ตามบัตรประชาชนนั้นมีโทรศัพท์บ้าน มีคนอยู่ตลอดที่สามารถยืนยันได้ว่าเราพำนักพักอาศัยอยู่ที่นั่น
ก็ควรใช้ที่อยู่ตามบัตรประชาชน (อย่าลืมนัดกันกับคนที่บ้านให้เรียบร้อยก่อนสมัครบัตรเครดิตนะครับ)
แล้วเลือกให้ส่งเอกสารต่าง ๆ /
ที่อยู่ติดต่อสะดวกเป็นที่ทำงาน
2.
ถ้าไม่เป็นแบบที่ว่าในข้อที่แล้ว
ควรแนบสำเนาใบเสร็จรับเงินค่าโทรศัพท์มือถือที่ระบุที่อยู่จัดส่งตามที่อยู่ปัจจุบันของเราไปด้วย (เราต้องเป็นเจ้าของเบอร์ด้วยนะครับ) และควรเขียนโน้ตหรือทำเอกสารรับรองว่าเราอาศัยอยู่จริงตามเอกสารที่เราแนบไป (เจ้าหน้าที่ไม่ใช่อัจฉริยบุคคลที่จะทราบทันที)
การสร้างเครดิตบูโรที่ดีแต่ตัวเองเพื่อเพิ่มโอกาสอนุมัติ
ปกติโดยทั่วไป
บัตรเครดิตที่ได้รับการอนุมัติจะได้วงเงินเริ่มต้นที่ 2 เท่าของรายได้เฉลี่ยในแต่ละเดือน แต่ถ้ามีประวัติการใช้บริการบัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคลในเครดิตบูโรแล้ว
โอกาสที่จะได้รับวงเงินสูงสุด 5
เท่าของรายได้ก็จะเพิ่มขึ้น
ในขณะเดียวกันถ้าสมัครบัตรเครดิตตอนอายุมาก ๆ (50 ปีขึ้นไป) และไม่เคยมีประวัติเครดิตบูโรเลย
บางธนาคารก็อาจจะไม่พิจารณาอนุมัติใบสมัครบัตรเครดิตเลยก็มี
แนวทางการสร้างประวัติเครดิตบูโรอย่างง่ายคือ ควรสมัครสินเชื่อส่วนบุคคลแล้วผ่อนสินค้าสักชิ้น
เลือกที่จำเป็นที่สุด ถ้ามีโปรโมชั่นผ่อน 0% ก็ยิ่งดี (ดูให้ดีก่อนนะครับว่าผ่อน 0% จริงหรือหลอก) ที่แนะนำแบบนี้ก็เพราะ
·
สินเชื่อส่วนบุคคลมักจะอนุมัติง่ายกว่าบัตรเครดิต
และรายได้ขั้นต่ำก็ยังต่ำกว่าเกณฑ์รายได้ของผู้สมัครบัตรเครดิต
·
ถ้าตอนสมัครบัตรเครดิตครั้งแรก มีเงินเดือนแค่ปริ่ม
ๆ เกือบไม่ผ่านเกณฑ์ แล้วไม่มีประวัติในบูโรเลย ธนาคารอาจจะไม่พิจารณา
ในขณะที่เงินเดือนเกือบถึงเกณฑ์ แต่เคยผ่อนอะไรต่อมีอะไรมานานแล้ว (มีทักษะบริหารการเงินได้ดี)
และยอดการผ่อนในแต่ละเดือนในปัจจุบันก็ไม่สูงมาก (ไม่มีภาระหนี้มาก) ธนาคารก็มักจะอนุมัติ
·
ถ้าตอนสมัครบัตรเครดิตครั้งแรก แม้มีเงินเดือนเกินเกณฑ์แล้ว
แต่อายุมาก หากเทียบกับเงินเดือนที่ควรจะได้ตอนอายุปัจจุบันแล้วยังน้อยอยู่
อาจจะถูกพิจารณาว่างานไม่มีความก้าวหน้า ไม่มีความมั่นคง
แต่การมีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ก็มีส่วนให้คะแนนการพิจารณาสูงขึ้น
สรุปส่งท้าย
ที่เขียนมา เป็นแนวทางที่ผมเคยทำมา เริ่มต้นตั้งแต่สมัครบัตรเพาเวอร์บายตั้งแต่เงินเดือนยังน้อย
ๆ (ซื้อตู้เย็นใหม่ขนาดใหญ่ให้แม่และซื้อคอมพิวเตอร์มือถือ Palm ให้ตัวเอง)
อย่างไรก็ดี สิ่งที่สำคัญคือ อย่าลืมว่า ควรใช้บัตรเครดิตให้เป็นประโยชน์ในการจัดการเงินของตนเอง
ไม่ใช่มีบัตรเครดิตเพื่อก่อหนี้หรือสมัครบัตรเครดิตเพราะเงินไม่พอใช้ เพราะการสร้างหนี้ไม่ได้ทำให้มีเงินพอใช้
แต่ทำให้เราได้ใช้เงินตัวเองน้อยลงในอนาคตเพราะเงินของเราบางส่วนจะถูกกันไปเป็นดอกเบี้ยให้คนอื่นนั่นเองครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น