Sponsor Link

วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555

จะเป็นหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลหรือเป็นหนี้บัตรเครดิตดี

ที่จริงก็ไม่ดีทั้งคู่ครับถ้าส่งเสริมให้เราเป็นหนี้เพราะกิเลส ทั้งสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิตต่างก็เป็นสินเชื่อที่ไม่ต้องการหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทางธนาคารถือว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นหนี้เสีย อัตราดอกเบี้ยจึงสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านที่มีบ้านเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน

ดังนั้น ถ้าเรามีความคิดสมัครใจเป็นหนี้สินเชื่อแบบนี้ จะด้วยไม่มีทรัพย์หรือว่าจำเป็นจริงๆที่จะต้องใช้จ่ายกับสิ่งที่เหนือความคาดหมาย การหันไปหาบัตรเครดิตหรือสินเชื่อบุคคลมันก็เป็นตัวเลือกหนึ่ง (หายืมเพื่อนก็ไม่ได้ ญาติก็เมิน จะออมจากเงินเดือนก็อีกนานอยู่) แต่ละแบบต่างก็มีจุดดีต่างกันไปตามภาวะการเงินของเรา

สินเชื่อส่วนบุคคลคืออะไร
เป็นสินเชื่อที่กำหนดระยะเวลากู้แน่นอน อัตราดอกเบี้ยคงตัว และการชำระเงินรายเดือนเท่าๆกัน การกู้นี้อาจจะได้เป็นเงินสดหรือไม่ก็ได้ หรือเป็นสิ่งของที่เราจำเป็นต้องใช้โดยตรงก็ได้ เช่น การซื้อสินค้าด้วยบัตรผ่อนสินค้า อัตราดอกเบี้ยสูง (ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น)

บัตรเครดิตเป็นอย่างไร
บัตรเครดิตจะให้วงเงินใช้จ่ายผ่านบัตรพลาสติกที่แสดงว่าผู้ได้รับบัตรนี้เป็นผู้ที่ธนาคารให้ความเชื่อถือด้านฐานะทางการเงิน (ส่วนเบื้องหลังก็คงเป็นเหตุผลทางการตลาด) โดยจะกำหนดวงเงินสินเชื่อสูงสุดที่เราสามารถใช้ได้ ส่วนจะได้วงเงินมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับรายได้ของเรา รวมทั้งการจ่ายเงินคืนในแต่ละเดือนจ่ายเต็มหรือจ่ายเพียงขั้นต่ำ เหมือนเอาเงินใส่ตระกร้าไว้ให้เราหยิบไปใช้ จากนั้นก็หาเงินมาใส่คืน เหมือนเงินหมุนเวียนเข้าออกในตระกร้า บางคนก็ตระกร้าใหญ่ บางคนก็ตระกร้าเล็ก เมื่อจะเลิกใช้ก็หาเงินมาใส่ให้เต็มตระกร้าแล้วคืนธนาคารไป กรณีชำระคืนแต่ละงวดไม่ครบ จะต้องเสียดอกเบี้ยอัตราที่สูง แต่ต่ำกว่าสินเชื่อส่วนบุคคลเล็กน้อย

เมื่อไหร่จะใช้สินเชื่อส่วนบุคคล
ถ้าเรากำลังเผชิญค่าใช้จ่ายที่เกินกำลังเพียงครั้งเดียวหรือนานๆครั้ง เช่น ต้องย้ายบ้านไปแดนไกล การยอมเป็นหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลจะได้เปรียบกว่าการเป็นหนี้บัตรบัตรเครดิต  (แม้ดูเหมือนอัตราดอกเบี้ยจะสูงกว่าก็ตาม) เช่น เราจะกำหนดจำนวนเงินการชำระเงินรายเดือนและระยะเวลาชำระคืนเงินได้ จะทำให้เราเห็นอนาคตข้างหน้าได้ว่าเราจะหมดหนี้ตอนใหน ในขณะที่การชำระขั้นต่ำกับบัตรเครดิตนั้นอาจจะทำให้เราติดอยู่ในกับดักกลไกการชำระเงินขั้นต่ำที่อาจจะไม่สามารถจบหนี้ได้ง่ายมาก เหมือนการทิ้งเงินเพื่อซื้อเวลาเท่านั้น แต่ยังคงเป็นหนี้บัตรอยู่ (ผมจึงเห็นว่าถ้าคิดจะปิดหนี้บัตรเครดิตแล้วควรใช้สินเชื่อส่วนบุคคล) นอกจากนี้ หากต้องการเป็นเงินสดเฉพาะกิจ ถ้าเราวางแผนให้ดีเราจะพอทราบล่วงหน้าว่าต้องการใช้เงินสดเท่าไหร่ และทราบความสามารถผ่อนคืน ถ้าสามารถผ่อนจบในเวลาอันสั้นไม่เกิน 6 เดือน  การเอาเงินจากสินเชื่อส่วนบุคคลจะมีค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมถูกกว่าการกดเงินออกามจากบัตรเครดิต เพราะการกดเงินสดจากบัตรเครดิตจะมีค่าธรรมเนียมถึง 3% ของยอดที่กดออกมา ในขณะที่สินเชื่อเงินสดบางเจ้าไม่มีค่าใช้จ่ายส่วนนี้ (การกดเงินสดจากบัตรเครดิต ควรทำเมื่ออยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินจริง ๆ เช่น อยู่รหว่างเดินทางแต่ขาดเงิน ติดต่อให้ใครโอนให้ก็ไม่ทันการณ์แล้ว ประมาณนี้)

แล้วเมื่อไหร่จะใช้บัตรเครดิตได้
ถ้าเรามีค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนไม่มาก หรือสามารถจ่ายได้ครบถ้วนในเวลาอันสั้นอยู่แล้ว (หรือจ่ายได้ในแต่ละเดือน) หรือมีแผนการใช้เงินที่ชัดเจนแล้ว บัตรเครดิตจะให้ประโยชน์แก่เราอย่างมาก หลายธนาคารมีโปรแกรมแบ่งจ่ายรายเดือน โปรโมชั่นผ่อนดอกเบี้ยต่ำ (แต่อย่าเชื่อเรื่องผ่อน 0% มาก เดี๋ยวนี้เป็นเกมทางการตลาดเสียมากกว่า อาจจะไม่ใช่ผ่อน 0% จริง) ดังนั้น นอกจากจะไม่เสียดอกเบี้ยแล้วเรายังจะได้แต้มสะสมสำหรับแลกของรางวัลอีกด้วย เช่น ถ้าแม่บ้านมีค่าใช้จ่ายหลักอยู่ที่การซื้ออาหารจากตลาดสด ก็ไม่จำเป็นต้องมีบัตรเครดิตแล้วเปลี่ยนพฤติกรรมไปซื้ออาหารสดในซูปเปอร์มาร์เก็ต ที่สำคัญคือ ถ้าเรามีค่าใช้จ่ายเกินตัวแล้วเราคิดว่าสามารถจ่านขั้นต่ำได้ นั่นคือเรากำลังติดกับดักการคิดดอกเบี้ย และมีแนวโน้มจะจ่ายดอกเบี้ยสูงกว่าสินเชื่อส่วนบุคคลหรือบัตรกดเงินสดด้วยซ้ำ (ดูวิธีคำนวณดอกเบี้ยของบัตรเครดิตใน เทคนิคการปิดหนี้บัตรเครดิตด้วยสินเชื่อบุคคล)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น