ตัวอย่างการเพิ่มจำนวนวันสำหรับคำนวณดอกเบี้ย
ก่อนจะพูดถึงขั้นตอนภาคปฏิบัติ มาดูตัวอย่างที่ผมโดนมาแล้ว ธนาคารนี้ผมทำหักค่าใช้จ่ายบัญชี 100% ดังนั้น ไม่มีขั้นต่ำ ปกติจะครบกำหนดชำระทุกวันที่ 8 - 9 ของแต่ละเดือน (ผมมีปัญหาการเงินเพราะผลจากน้ำท่วมใหญ่ปลายปี 54 นึกว่าเอาอยู่) มาดูว่า ขั้นตอนการเพิ่มวันคำนวณดอกเบี้ยของธนาคารเป็นอย่างไร
ภาพที่ 1 ผมจ่ายเต็มมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา มันไม่มีความหมายอะไรสำหรับธนาคาร เพราะเขาไม่ได้ดอกเบี้ย (แน่นอนเราเป็นลูกค้าชั้นดี) ผมเอาเงินเข้าบัญชีไม่ทัน ก็ยังจ่ายบริการเคาน์เตอร์นอกรอบ เต็มจำนวนตามยอด แต่ก็ช้ากว่ากำหนด (จากวันที่ 8 เป็นวันที่ 15 ดูตามกรอบแดง ล่างทั้งซ้าย - ขวาประกอบ)
ภาพที่ 2 เดือนต่อมา แม้เดือนที่แล้ว ผมจ่ายไปกว่า 72% (ตามกรอบแดงล่างขวา) จากยอด 36,xxx (ดูภาพยอดหนี้ในภาพที่ 1 ประกอบ) แต่ธนาคารถือว่าผมต้องจ่ายเต็ม ถือว่ามียอดค้างชำระ เข้าข่ายจะติดบูโร และเตรียมระงับบัตร (Call center ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะถูกโปรแกรมสมองให้ตอบตาม script ที่มีไว้แบบนั้น) และพอธนาคารเห็นว่าไม่ครบ ก็ย้ายวันครบกำหนดชำระไปปลายเดือน แน่นอนว่ามันยืดวันคำนวณดอกเบี้ยตามที่ผมอธิบายไว้ ผมถามธนาคาร เจ้าหน้าที่ก็อ้างว่า เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า (ที่จริงคือ หลอกให้ลูกค้าตายใจ คิดว่าได้กำไร )
ภาพที่ 3 เดือนต่อมา ผมประเมินแล้วว่า แม้ผมทุ่มสุดตัวก็ยังจ่ายเต็ม 100% ไม่ได้ และบัตรถูกระงับอยู่ดี ผมเลือกไม่จ่ายของเดือนที่ผ่านมา (ภาพล่างไม่มีรายการชำระเลย) ผมเก็บเงินไปจ่ายบัตรอื่นดีกว่า (อย่างไรก็ตามผมก็ปิดหนี้ได้ในเดือนต่อมา และยกเลิกทันที โดยภาพรวมก็ยังถือว่าได้กำไรจากบัตรนี้)
ขั้นตอนแรกคือ เตรียมการ
- ต้องทราบวันสรุปยอดของแต่ละบัตรเครดิตที่มี
- ควรมีฟอร์มรับชำระที่มีบาร์โค้ดเก็บไว้ใช้
(ทุกงวด บาร์โค้ดจะเหมือนกันทุกประการ
เว้นแต่ท่านขอหมายเลขบัตรใหม่เพราะบัตรใบเดิมหาย) ฟอร์มทุกอันมีประโยชน์
สามารถฝาก messenger
ของบริษัทที่เราทำงานอยู่ไปชำระเงินได้
(ถ้าเขาจะไปอยู่ธนาคารนั้นๆ อยู่แล้ว
และในฟอร์มมันก็มักไม่ระบุยอดหนี้ค้างชำระใด ๆ)
- หาแหล่งรับชำระใกล้ตัว เช่นตู้ ATM
ตู้รับฝากเงิน (บางตู้รับชำระได้ด้วย) หรือบริการเคาน์เตอร์ตามร้านสะดวกซื้อ
- แม้ไม่มีบาร์โค้ด
ก็ชำระที่เคาน์เตอร์ธนาคารหรือตู้ ATM
ของธนาคารที่ออกบัตรเครดิตได้
(แน่นอนว่า ส่วนใหญ่ไม่มีค่าธรรมเนียมการรับชำระ)
ขั้นตอนสุดท้ายคือชำระกับรูดให้ถูกวัน
- ชำระวันรุ่งขึ้นทันที หลังวันสรุปยอด
เพราะหลังสรุปยอด เป็นวันที่มียอดค้างชำระขึ้นในระบบคอมพิวเตอร์แล้ว ส่วนใบแจ้งหนี้จะมาถึงหรือยัง
ไม่ต้องไปสนใจ โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือน เพราะการรอจนถึงวันครบกำหนดคือการยอมให้ดอกเบี้ยงอกจากเงินค้างจ่าย
(เว้นแต่เป็นพ่อค้า แล้วต้องเอาเงินไปหมุนก่อนแล้วได้เงินคืนตอนวันครบกำหนดชำระ)
- ถ้าวันสรุปยอดตรงกับวันหยุด อาจจะรอสัก 2
– 3 วัน หรือโทรถาม call
center เลยครับว่า
มีการสรุปยอดบัญชีหรือยัง
- ให้หยุดใช้บัตรโดยเด็ดขาด หรือถ้าต้องใช้
ให้เลื่อนการรูดออกไปให้ไกลเท่าที่จะทำได้
- เมื่อตั้งใจว่า จะหยุดการใช้บัตรเครดิตแน่
ๆ แต่ไม่สามารถชำระขั้นต่ำ 10%
ได้
หรือชำระแล้วก็ยังต้องเอาไปรูดอีกเพราะค่าใช้จ่ายส่วนตัวไม่พอ ให้หาโปรโมชั่นและใช้เทคนิคการปิดหนี้บัตรเครดิตด้วยสินเชื่อบุคคล หลังปิดได้แล้ว ให้ยกเลิกบัตรเครดิตเจ้ากรรมนี้เสีย (ตั้งหลักได้เมื่อไหร่ ค่อยสมัครใหม่)
ง่ายเพียงเท่านี้
ก็จะทหให้ท่านจ่ายบัตรขั้นต่ำให้ดอกเบี้ยน้อยลงได้ บางคนอาจจะเอาไปวางแผนแต่ง bank statement ให้ดูดีได้ด้วย เพราะถ้าจะไปทำเรื่องเงินกู้ (ที่จำเป็น)
แล้ว ถ้าในบัญชีเงินฝากเราหายหมดเกลี้ยงตั้งแต่วันแรก ๆ ของเดือน มันคงดูไม่ดีครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น