ถ้าเป็นบทความจากที่อื่น อาจจะใช้คำว่า หมุนเงินมาทำธุรกิจหรืออาชีพอิสระ
แต่ในแง่ความเป็นจริงแล้ว หนี้จากบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดนั้นมีอัตรดอกเบี้ยสูงถึง
20-28% ต่อปี ในขณะที่การกู้เงินทำธุรกิจจริงๆ
ควรจ่ายดอกเบี้ยประมาณ 7% เท่านั้น
แต่แน่นอนว่าสถาบันการเงินจะย่อมปล่อยหนี้ให้เราก็ต่อเมื่อเรามีหลักทรัพย์ค้ำประกันเท่านั้น
ดังนั้นหากจำเป็นต้องเอาบัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคลมาหมุนมาทำธุรกิจแล้ว
ต้องเป็นการค้าขายเท่านั้น โดยที่
- ต้องค้าขายได้เร็วและต่อเนื่อง
- เก็บเงินสดจากการขายเท่านั้น
- ต้องมีกำไรอย่างน้อย 2 เท่าตัว (นอกจากต้นทุนสินค้าแล้ว เราก็ต้องกินต้องใช้)
- คนทำค้าขายต้องไม่รักษาฟอร์ม / ตั้งใจทำงาน
นอกเหนือจากค้าขายแล้ว ยังมีอีก 1 งานที่มีองค์ประกอบเข้าข่าย แต่ไม่ใช่การทำธุรกิจ นั่นก็คือ การแต่งงาน (ดูใน การแต่งงาน (หนี้) ไม่บาน)
อาชีพอิสระที่ไม่ควรกู้สินเชื่อส่วนบุคคล
ก็อย่างเช่น
- งานเกษตรกรรม เพราะกว่าพืชผักจะเติบโตใช้เวลาอย่างน้อยเฉลี่ย 2 เดือน และบางครั้งก็ยังถูกพ่อค้าคนกลางขอเครดิต ส่วนกำไรก็อาจจะไม่ถึง 2 เท่า โดยเฉพาะการเช่าที่ทำการเกษตร
- ขายเครื่องประดับราคาแพง จริงอยู่ว่าขายได้เงินสด กำไรก็อาจจะถึง 2 เท่าของต้นทุน แต่ใช้เวลานานกว่าจะขายได้แต่ละชิ้น ในขณะที่ค่าเช่าที่ ค่ากินอยู่ต้องจ่ายทุกวัน
- ร้านโชว์ห่วย อันนี้เห็นชัดว่า กำไรมันไม่กี่ % เท่านั้น หากไม่มีรายได้อื่นแล้ว และยังขายของได้ไม่หมดใน 1 เดือน ก็ทำนายอนาคตได้ทันทีว่าจะเป็นอย่างไร (ยังไม่นับรวมเรื่องวินัยทางการเงิน)
ลักษณะการหารายได้ที่พออนุโลมให้เป็นหนี้จากบัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคล (แต่ต้องมีวินัยในการสะสมเงินสำหรับจ่ายหนี้ตามใบแจ้งหนี้ที่กำลังจะมา) ก็ต้องตามที่กล่าวไว้
ตัวก็อย่างเช่น
- อาชีพอิสระที่เป็นกลุ่มซื้อมาแล้วขายไปในเวลาสั้น เช่น ร้านขายอาหาร (ร้านอาหารตามสั่ง ส้มตำข้างถนน กาแฟสดที่อยู่ในแหล่งชุมชนจริง ๆ) อันนั้เห็นชัดว่า คนซื้อกินทุกวัน กำไรก็เห็น ๆ
- บริษัทส่วนตัวที่มีงบอยู่แล้ว แต่มีโปรโมชั่นผ่อน 0% แทนที่จะจ่ายทีเดียวก็เก็บเงินสดไว้เผื่อฉุกเฉิน เช่น การจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์เพิ่มเติม
- คนออกเงินกู้นอกระบบ (ทำได้จริง แต่กรรมที่ทำไว้จะตามมาสนองในไม่ช้า)
จะหมุนจากบัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคลดี
จะว่าไปก็ตามความสามารถในการค้าขาย
ถ้าสามารถค้าขายที่หักค่าใช้จ่ายส่วนตัวแล้วสามารถจ่ายได้ครบใน 1-2 เดือนแล้ว การใช้เงินจากบัตรเครดิตก็เหมาะสม (ทั้งนี้
ต้องซื้อวัตถุดิบจากบัตรเครดิตได้และไม่ถูกชาร์ทเพิ่มด้วยนะครับ) แต่ถ้ายาวกว่า 2
เดือนก็ควรเลือกเป็นหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล (ดูเพิ่มเติมจาก
จะเป็นหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลหรือเป็นหนี้บัตรเครดิตดี)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น