จั่วหัวข้อเสียขนาดนี้
อย่างเพิ่งคิดว่าผมเป็นนายหน้าค้าแคมเป็ญเงินกู้นะครับ
และผมก็ไม่ได้มาแนะนำการชักดาบนะครับ แค่อยากนำเสนอไอเดียสำหรับมนุษย์เงินเดือน
เดินดิน กินข้าวแกง อยู่ในยุคที่ข้าวของแพงแซงหน้าเดือนแล้ว
ถ้าจะพูดแบบไม่รักษาฟอร์มแล้วละก็ ผมว่าการก่อหนี้เพื่อความอยู่รอดบางครั้งคราว
มันเป็นเรื่องที่ต้องทำ
ขอย้ำอีกครั้งว่า ไม่ได้ส่งเสริมก่อหนี้ แต่อยากนำเสนอว่า ถ้าจะต้องเป็นหนี้แล้ว
เราต้องใช้มันให้เกิดประโยชน์ที่สุด และหาทางจ่ายดอกเบี้ยน้อยที่สุด
และแบบถูกกฎหมายด้วย และไม่ต้องทำ haircut ให้เสียเครดิตแบบไม่จำเป็น
ข้อสังเกตเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้
ไอเดียเรื่องนี้มาจากการรับภาระจ่ายดอกเบี้ยของคน 3
กลุ่มดังต่อไปนี้
1.
ผู้ประกอบการ
เมื่อกู้เงินจากธนาคารมาทำธุรกิจ จ่ายดอกเบี้ยประมาณ 7% แต่ต้องมีหลักทรัพย์
หรือโครงการน่าสนใจจริงๆ
2.
แรงงานฝีมือชั้นสูง
เป็นงานหนัก งานดี มีรายได้สูง ทำบัตรเครดิตได้แน่ๆ โดยจ่ายดอกเบี้ย 20% (แต่ภาคปฏิบัติธนาคารก็รีดดอกเบี้ยทุกเม็ดเท่าที่จะทำได้
ลองอ่านใน เทคนิคการปิดหนี้บัตรเครดิตด้วยสินเชื่อบุคคลดู)
3.
แรงงานฝีมือชั้นกลาง-ต่ำ
ถ้าทำบัตรเครดิตไม่ได้ ก็ยังสามารถกู้สินเชื่อส่วนบุคคลได้ จ่ายดอกเบี้ยสูงถึง 28%
จะเห็นว่า ยิ่งฐานะทางการเงินต่ำ จะยิ่งถูกโขกดอกเบี้ยสูงขึ้น คนทั่วๆไปจะได้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำก็เฉพาะตอนซื้อบ้าน
ซื้อรถ เท่านั้น ที่จริงมันมีเหตุผลทางธุรกิจว่า ทำไมดอกเบี้ยบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินมันโหด ลองไปหาในกูเกิลดูครับ
ดังนั้น ถ้าเราประเมินในหัวแล้วพบว่า ชีวิตนี้ยังไงก็ต้องเลี้ยงตัวด้วยเงินเดือนอีกยาวไกล
และหากมีเรื่องต้องใช้เงินด่วนทีไร เราก็พึ่งสินเชื่อส่วนบุคคลแน่ ๆ
(ตามโฆษณาที่ชักชวนให้ไปกู้เพื่อเห็นแก่ความกตัญญู)
ทำไมเราไม่วางแผนรับมือสำหรับการเป็นหนี้แบบมีชั้นเชิงเสียแต่วันนี้ครับ
(เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันแบบเข้าใจ)
เพิ่มความน่าเชื่อถือทางการเงินแบบมนุษย์เงินเดือน
แนวคิดหลักของผมคือ ในขณะที่เรายังเป็นมนุษย์เงินเดือน
เราต้องเพิ่มความเชื่อถือทางการเงินของเราเพื่อลดภาระการจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้สินเชื่อส่วนบุคคล อย่างน้อยเราไม่ควรจ่ายเกิน 15% ตามที่กฎหมายกำหนด
(เกือบครึ่งหนึ่งที่ผู้ให้บริการสินเชิ่อส่วนบุคคลเรียกเก็บจากเรา)
เพื่อความกระจ่างขึ้น กรุณาทำความเข้าใจใน 3
ประเด็นหลัก ดังนี้ครับ
1.
ความเชื่อถือทางการเงินที่สถาบันการเงินให้ความคำนับคือ
ทรัพย์สินที่ไม่เสื่อมค่าง่าย ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บดูแลมาก อันได้แก่
ที่ดิน บ้าน แต่ระดับคนทั่วไปแล้ว อาจจะยังไม่ต้องไปถึงขั้นนั้นครับ
2.
อย่าคิดว่าในโลกนี้มีจะมีแต่
คุณอ้อน คุณซี่บาย หรือชอยซ์แรก เท่านั้นที่ปล่อยกู้สินเชื่อส่วนบุคคล
(แถมไม่รับหลักทรัพย์อะไรเลย) ที่จริงมีสถาบันการเงินอื่นอีกที่เราจะไปขอสินเชื่อส่วนบุคคลที่ยินดีรับเอาทรัพย์ในข้อ 1 ไปเป็นหลักประกันและให้ดอกเบี้ยต่ำ
3.
หากเราอุตส่าห์หาทรัพย์ตามข้อ 1 ไปค้ำประกันแล้ว หากเรามีเหตุให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้
เจ้าหนี้ก้เอาสินทรัพย์ไปขายทอดตลาดจนได้เงินครบถ้วนแล้ว ก็ไม่ควรเอาเราไปอยู่ใน black list ของเครดิตบูโร
จาก 3 ข้อข้างต้น ลองคิดว่า
จะมีทรัพย์ใดที่เราจะก่อกำเนิดขึ้นได้จริง เพื่อเป็นต้นทุนในการกู้เงินในยามจำเป็น
แล้วมีแหล่งเงินกู้ใดยอมคิดดอกเบี้ยเราต่ำๆ บ้าง ๆ
(นอกเหนือจากสถาบันการเงินที่จ้างพริตตี้มาโฆษณาที่เราคุ้นเคย
แล้วเขาก็โยนค่าใช้จ่ายมาให้เรา)
เมื่อคิดไว้แล้ว แนะนำให้อ่านตอนต่อไปดูครับ (เป็นหนี้อย่างมีชั้นเชิง ตอน 2/3: แนวทางลดภาระดอกเบี้ยภาคปฏิบัติ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น